วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

คู่มือเตรียมสอบ

คู่มือเตรียมสอบ

ผลงานลูกค้า

เปิดสอบ ราชการ งานราชการ หางาน สอบราชการ พนักงานราชการ สอบบรรจุ หางาน รับสมัครงาน สอบ กพ. อบต. สอบภาค ก สอบภาค ข รับสมัครงาน ศูนย์รวมงานราชการ
ศูนย์หนังสือสอบ sheetchula เป็นที่รวบรวมแนวข้อสอบรับราชการ ทุกหน่วยงาน และนี่คือผลงาน ความคิดเห็นของลูกค้าที่ซื้อข้อสอบจากเราไป บางส่วน







1
2
3
4
5
6
7
8




บริการต่างๅ

บริการต่างๆ

บริการต่างๆ

ติดตาม Facebook

ติดตาม Facebook

Youtube

แนวข้อสอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย




รายละเอียดวิชาที่สอบ #
แนวข้อสอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
1 ความรู้เกี่ยวกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
2 แนวข้อสอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบรรเทาสาธารณภัย
4 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550
5 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
6 สาระสำคัญพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
7 แนวข้อสอบความรู้เหตุการณ์ปัจจุบัน การเมือง เศรษฐกิจและสังคม
8 แนวข้อสอบความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
9 สรุปสาระสำคัญของประชาคมอาเซียน

+++ อ่านประกาศเพิ่มเติม และลิ้งค์สมัครที่ http://www.งานราชการไทย.com/
+++ กดติดตามรับข้อสอบที่ : http://line.me/ti/p/%40awr8388d
+++ กดถูกใจเพื่อรับแนวข้อสอบ
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
ที่ https://www.facebook.com/1120164214714867

แนวข้อสอบ

แนวข้อสอบ

ความรู้ทั่วไป

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (อังกฤษDepartment of Disaster Prevention and Mitigation) หรือชื่อย่อ "ปภ." เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545[2] เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติภารกิจที่เคยซ้ำซ้อนอยู่ในหน่วยงานอื่นๆ ให้เป็นระบบ โดยมีภารกิจในการจัดทำแผนแม่บท วางมาตรการ ส่งเสริมสนับสนุนการป้องกันบรรเทาและฟื้นฟูจากสาธารณภัย โดยกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย สร้างระบบป้องกัน เตือนภัย ฟื้นฟูหลังเกิดภัย และการติดตามประเมินผล เพื่อให้หลักประกันในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ได้รับการถ่ายโอนภารกิจ และบุคลากรมาจาก 5 หน่วยงาน คือ
  • กรมการเร่งรัดพัฒนาชนบท
  • กองป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน กรมการปกครอง
  • สำนักงานคณะกรรมการป้องกันอุบัติภัย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
  • กองสงเคราะห์ผู้ประสบภัย กรมประชาสงเคราะห์
  • กรมการพัฒนาชุมชน (งานบริการด้านช่างพื้นฐาน)
  • หน่วยงานในสังกัด

    ราชการบริหารส่วนกลาง

    • สำนักงานเลขานุการกรม
    • กองกฎหมาย
    • กองการเจ้าหน้าที่
    • กองคลัง
    • กองนโยบายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    • กองบูรณาการความปลอดภัยทางถนน
    • กองมาตรการป้องกันสาธารณภัย
    • กองส่งเสริมการป้องกันสาธารณภัย
    • ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 1 ปทุมธานี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 สุพรรณบุรี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 3 ปราจีนบุรี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 4 ประจวบคีรีขันธ์
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5 นครราชสีมา
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 6 ขอนแก่น
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 7 สกลนคร
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 8 กำแพงเพชร
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 พิษณุโลก
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 10 ลำปาง
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 11 สุราษฎร์ธานี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12 สงขลา
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 13 อุบลราชธานี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 15 เชียงราย
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 16 ชัยนาท
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 17 จันทบุรี
    • ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 18 ภูเก็ต
    • ศูนย์อำนวยการบรรเทาสาธารณภัย
    • สถาบันพัฒนาบุคลากรด้านการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
    • สำนักช่วยเหลือผู้ประสบภัย[3]

    ส่วนภูมิภาค

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีหน่วยงานตั้งอยู่ในจังหวัดต่างๆ เพื่อเป็นหน่วยปฏิบัติและประสานงานของกรมในระดับจังหวัด คือ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด โดยมีหัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ผู้อำนวยการระดับต้น) เป็นหัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด

    คณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ

    • ร้อยโท สุวิทย์ ยอดมณี[4]
    • นายไพโรจน์ พรหมสาส์น
    • นายอนุชา โมกขะเวส
    • รองศาสตราจารย์เสรี ศุภราทิตย์
    • ผู้ช่วยศาสตราจารย์สมพร จองคำ

แนะนำการสอบ

คำแนะนำในการสอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (Department of Disaster Prevention and Mitigation) หรือชื่อย่อ "ปภ." เป็นส่วนราชการระดับกรม สังกัดกระทรวงมหาดไทย ตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติปรับปรุง กระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545[2] เพื่อเป็นหน่วยงานหลักในการปฏิบัติภารกิจที่เคยซ้ำซ้อนอยู่ในหน่วยงานอื่นๆ ให้เป็นระบบ โดยมีภารกิจในการจัดทำแผนแม่บท วางมาตรการ ส่งเสริมสนับสนุนการป้องกันบรรเทาและฟื้นฟูจากสาธารณภัย โดยกำหนดนโยบายด้านความปลอดภัย สร้างระบบป้องกัน เตือนภัย ฟื้นฟูหลังเกิดภัย และการติดตามประเมินผล เพื่อให้หลักประกันในด้านความมั่นคงปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ในการสอบเข้ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย การสอบบรรจุเข้ารับราชการผู้เข้าสอบจะต้องเป็นผู้สอบผ่านการวัดความรู้ความสามารถทั่วไป (ภาค ก.) ของสำนักงาน ก.พ.  ก่อน  แต่ถ้าสอบเป็นพนักงานราชการไม่ต้องใช้ใบสอบผ่านภาค  ก ของ ก.พ.  การสอบเข้ากรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จะมีการประเมินสมรรถนะอยู่  2  ครั้ง   คือ  ครั้งที่  1  โดยการสอบข้อเขียน   ครั้งที่  2  โดยการสัมภาษณ์  และจะต้องผ่านการประเมินสมรรถนะครั้งที่ 1 โดยวิธีการสอบข้อเขียนก่อนและเมื่อผ่านการประเมินสรรถนะครั้งที่ 1 แล้ว จึงจะมีสิทธิ์เข้ารับการประเมินสมรรถนะครั้งที่  2 โดยวิธีสอบสัมภาษณ์  ทั้งนี้จะต้องได้คะแนนสอบข้อเขียนไม่ต่ำกว่าร้อยละ  60
การเตรียมตัวสอบ
ในส่วนการสอบวิชาเฉพาะตำแหน่ง ควรอ่านให้มากๆ ศึกษาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิชาตำแหน่งให้ดี ข้อสอบจะเป็นระเบียบข้อกฏหมาย วิชากฎหมายก็อ่านฉบับเต็ม  ท่องให้ได้ทุกมาตราอย่าไปอ่านเเต่ช้อย มันไม่ตรงนัก  ฝึกลองวิเคราะห์ข้อสอบ หาปากกาเน้นข้อความมาขีดเพื่อจำง่าย แล้วสรุป หรือท่องให้ได้  ฝึกทำข้อสอบเก่า  โดยเฉพาะในเรื่องที่เป็นจุดบกพร่องของเราทำซ้ำๆจนเข้าใจ
ควรอ่านเนื้อหาที่จะออกสอบในประกาศ และดูเวลาว่าเหลือเวลากี่วันที่จะต้องสอบ และนำเนื้อหาการสอบมาทำความเข้าใจว่าแต่ละเรื่องเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง  ค้นหาเนื้อหาแต่ละเนื้อหารวบรวมทุกสิ่งอย่างที่คิดว่าเกี่ยวข้องและจำเป็น แล้วแยกใส่ในแฟ้มงานเป็นหมวดๆ เมื่อได้เนื้อหาครบหมดแล้ววิเคราะห์ว่าแต่ละเนื้อหาใช้เวลาในการอ่านเท่าไหร่ แล้วนำผลรวมออกมาเทียบกับเวลาที่เรามีในการเตรียมตัวสอบ จากนั้นนำเวลามาถัวเฉลี่ย ให้ความหนักเบากับวิชาที่จะสอบ ว่าวิชาไหนเรื่องไหนใช้เวลาเท่าไหร่  แล้วจัดทำตารางการอ่านหนังสือเป็นช่วงเวลาอาจจะแบ่งเป็นต่อสัปดาห์ หรือ 2 สัปดาห์ แล้วนำมาแปะไว้ที่ไหนก็ได้ที่เราสังเกตเห็นได้ชัด  ในการอ่านแต่ละวิชาควรอ่านอย่างน้อย 2 รอบ รอบแรกเป็นการอ่านรวมๆ เพื่อหาว่าจุดไหนสำคัญบ้างให้นำปากกาเน้นคำ Mark ไว้ รอบที่สอง จดบันทึกสิ่งที่เรา Mark ไว้ สรุปเป็นภาษาของเราเองเพื่อเอาไว้อ่านก่อนสอบ 1 วัน  และก่อนนอนนั่งสมาธิอย่างน้อย 5 นาที สวดมนต์ด้วยก็ยิ่งดี   นอกจากนี้ควรศึกษาเส้นทางการสอบ ห้องสอบให้ดี พอถึงสนามสอบให้ตรวจดูห้องสอบหรือนั่งหน้าห้องสอบรอเลยก็ได้ เพื่อป้องกันความกังวลใจ หรือเรื่องรบกวนใจ  เมื่อใกล้จะสอบควรงดการพูดจาเรื่อยเปื่อย คุยสนุกเรื่องอื่น กับเพื่อนที่ร่วมสอบ หรือใครก็ตามอย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อป้องกันสมองไปจำอย่างอื่น ให้คิดแต่เรื่องสอบอย่างเดียว
นอกจากนี้ควรหาความรู้เกี่ยวกับหน่วยงานด้วย  เช่น ประวัติ วิสัยทัศน์  พันธกิจ ค่านิยม ผู้บริหาร หน้าที่ความรับผิดชอบ  โดยการหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต  และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการเมือง เศรษฐกิจ สังคม  
นอกจากวิชาการที่ต้องใช้ตามวุฒิที่จะรับแล้ว ยังต้องทำการบ้านด้วยว่าหน่วยงานนั้นมีการแบ่งองค์กรยังไง ผู้บริหารเป็นใครในแต่ละระดับ แต่ละส่วนขององค์กรทำงานอะไร มีหน้าที่อะไร ตำแหน่งที่เราจะบรรจุมีหน้าที่อะไร ไปที่หน่วยงานนั้น ถ้ามีห้องสมุดหรือเอกสารเผยแพร่ควรไปอ่านให้หมด ปัจจุบันมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหรือตำแหน่งที่จะทำหรือไม่ อย่างไร
ส่วนในการสอบสัมภาษณ์เป็นการสอบด้วยการสนทนาหรือพูดคุยกัน ดังนั้นผู้เข้าสอบควรจะทบทวนเตรียมความรู้หรือข้อมูลในส่วนที่เป็นวิชาการหรือเนื้อหาต่าง ๆ   ที่ได้เตรียมไว้แล้วในการเตรียมตัวเข้าสอบข้อเขียน   ซึ่งอาจจะใช้เวลาครั้งละ 10 – 30 นาที   แล้วแต่กรณี หรืออาจกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า การเตรียมตัวเข้ารับการสอบสัมภาษณ์จำเป็นต้องทบทวนความรู้ และข้อมูลบางประการมิใช่เข้าสอบโดยมิได้ทบทวนความรู้หรือข้อมูลอะไรเลย  การสัมภาษณ์เป็นการพูดคุยกัน  ไม่ต้องเครียด ต้องแสดงความจริงใจ อย่าเสแสร้ง กรรมการจะดูกริยา ลักษณะการพูดจาเป็นว่าเป็นอย่างไรบ้าง เนียมไม่เนียม  สำคัญจุดแรกที่กรรมการจะพิจารณาคือการแต่งกายของผู้เข้าสัมภาษณ์ ดูดี สะอาด ผมรัดผูกให้สวยงาม แต่งหน้าแต่พองาม  พูดให้เป็นธรรมชาติที่สุด  อย่าพาใครไปเป็นเพื่อน
ในการสัมภาษณ์ควรทำใจให้สบาย ตอบคำถามแบบธรรมขาติ เป็นตัวของตัวเอง  โดยส่วนใหญ่กรรมการจะถามคำถามต่อไปนี้ คือ 1. ให้แนะนำตัวเอง   2.เหตุผลในการตัดสินใจเข้ารับราชการ   3. เล่าถึงประสบการณ์ในการทำงาน


วิชาที่ใช้สอบเป็นพนักงานราชการ   มีดังนี้คือ
1. ประเมินความรู้  โดยวิธีสอบข้อเขียน   (100  คะแนน)
- ประเมินความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับสถานการณ์ทางด้านสาธารณภัย การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้าง อำนาจหน้าที่ ภารกิจ ระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับกรม  ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับการปฏิบัติราชการ  ความรู้เกี่ยวกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับประชาคมอาเซียน
- ความรู้ความสามารถที่ใช้เฉพาะตำแหน่ง
2. ภาคปฏิบัติ  (เฉพาะตำแหน่งพนักงานขับรถและควบคุมเครื่องจักรกลขนาดหนัก)  (100  คะแนน)
การประเมินครั้งที่  2 โดยการสอบสัมภาษณ์  (100  คะแนน)
พิจารณาจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา  ประวัติการทํางาน ประสบการณ์ที่เหมาะสมกับตำแหน่ง การมีมนุษย์สัมพันธ์ ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับผู้อื่น ท่วงที วาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติ
มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ และจรรยาบรรณ

วิชาที่ใช้สอบเป็นข้าราชการ   มีดังนี้คือ
1. ความรู้ความสามารถเฉพาะตำแหน่ง  ( 200  คะแนน )
2. การสอบสัมภาษณ์   ( 100  คะแนน )  เป็นการทดสอบเพื่อวัดความเหมาะสมกับตําแหน่งที่จะบรรจุและแต่งตั้งโดยวิธีการสัมภาษณ์หรือวิธีอื่นเพื่อประเมินความเหมาะสมกับตําแหน่งจากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา  ประวัติการทํางานประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย อารมณ์ ทัศนคติการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ปฏิภาณไหวพริบ บุคลิกภาพและพฤติกรรมของผู้สอบแข่งขันเพื่อให้ได้บุคคลที่มีคุณธรรม จริยธรรม ความรู้ความสามารถ ทักษะ สมรรถนะ และอื่นๆ ที่จําเป็นสําหรับตําแหน่ง
ทั้งนี้ กําหนดให้ผู้สมัครสอบ ต้องสอบความรู้ความสามารถเฉพาะตําแหน่งก่อนผ่านก่อน โดยมีคะแนนไม่ต่ำกว่าร้อยละ  60  จึงจะมีสิทธิเข้าสอบภาคความเหมาะสมกับตําแหน่ง

รายละเอียดวิชาที่สอบ
1 ความรู้เกี่ยวกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
2 แนวข้อสอบกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
3 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการบรรเทาสาธารณภัย
4 พระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ.2550
5 แนวข้อสอบพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550
6 สาระสำคัญพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน
7 แนวข้อสอบความรู้เหตุการณ์ปัจจุบัน การเมือง เศรษฐกิจและสังคม
8 แนวข้อสอบความสามารถด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
9 สรุปสาระสำคัญของประชาคมอาเซียน

ตำแหน่งที่สอบ
พนักงานขับและควบคุมเครื่องจักรกลขนาดหนัก
พนักงานนโยบายและแผนงาน
พนักงานปฏิบัติการด้านสาธารณภัย
พนักงานประจำสำนักงาน
พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย
พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ERT)